The Big Short เป็นหนังที่สนใจอย่างมากแค่เพียงรายชื่อนักแสดงระดับแนวหน้าของฮอลลี่วู้ด ก็เป็นที่จับตามองตั้งแต่เริ่มสร้างหนัง นำโดย คริสเตียน เบลล์ ไรอัน กลอสลิ่ง และแบรต พิตต์ เป็นทั้งนักแสดงและผู้สร้าง พร้อมทีมนักแสดงคุณภาพ เขาได้ทำการขอลิขสิทธิ์จากหนังสือชื่อดังของ ไมเคิล ลูอิส มาถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์ม ซึ่งเนื้อเรื่องของดูหนังดัดแปลงมาจากเต็มเรื่องจริงในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินของอเมริกาด้านที่อยู่อาศัย หรือ วิกฤตแฮมเบอเกอร์ ที่เรารู้จักกันดี โดยฝีมือผู้กำกับคนเก่ง อดัม แมคเคย์
The Big Shortการหาทางรอด จนนำไปซึ่งการหาผลประโยชน์ ในช่วงฟองสบู่ใกล้แตก มีกลุ่มคน 4 คน ที่เห็นหนทางความรวยจากความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ ในทางกลับกันพวกก็เขาเห็นหายนะทางการเงินที่กำลังก่อตัวเป็นเงาตามตัว ถึงแม้วิกฤติจะยังมาไม่ถึง แต่การคาดคะเนของคนเหล่านี้ไม่ผิดคาด เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐก็คือเศรษฐกิจของโลก ไม่มีใครรอให้ตัวเองพังพินาศ คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ใช้มันสมองเอาตัวรอด และหาผลประโยชน์ได้อย่างแยบคาย ไม่มีดีหรือเลว มีแต่ใครได้ใครเสียผลประโยชน์ ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างความดีความเลวให้ใครได้ตัดสิน การกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด นำมาซึ่งการเอาเปรียบคนที่เดือดร้อน การจะไปต่อหรือจะหยุด ใครจะเป็นผู้ตัดสิน การหยุดเพื่อทบทวนตัวเอง การตั้งคำถามจากสิ่งรอบข้าง จะนำพาให้คนในสังคมผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร
ถือว่าคุ้มค่ากับการแสดงอันทรงพลังของนักแสดงระดับเอ-ลิสต์ ของฮอลลีวู้ด สร้างแรงดึงดูดอย่างมากต่อการเข้าชมบทบาทของพวกเขา การประชันฝีมือที่บีบคั้นอารมณ์ ความโลภ ความโกรธ การเอาตัวรอด และการแก้ปัญหาอย่างมีชั้นเชิง แทบไม่ต้องลุ้นว่าหนังจะสนุกแค่ไหน การนำเอาวิกฤตการณ์เศรษฐกิจระดับโลก นำมาทำเป็นดูหนังเพื่อตีแผ่ ถือว่าเป็นการนำเสนอที่ฉีกแนวออกไปจากหนังเรื่องอื่นๆที่เข้าฉายในช่วงต้นปี 2016 เป็นอย่างดี ดูหนังเต็มเรื่องนี้ไม่ใช่หนังตัวเลือกของใครแต่เป็นหนังที่ใครต้องเลือกชม
